วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

History Of Cupcakes

          

            ปัจจุบัน Cupcake เป็นที่นิยมมาก เพราะตกแต่งสวยงามน่าทาน จริงๆแล้ว คัพเค้ก (Cupcake) เริ่มมาจากไหนกัน เพราะอะไรถึงเรียกอย่างนี้



          "cupcake" ถูกพบครั้งแรกในปี 1828 ในหนังสือ Eliza Leslie's Receipts cookbook ในช่วงต้นศตวรรรษที่ 19 มีการเขียนทั้งแบบ Cup cake และ Cupcake เดิมที่สมัยก่อนจะอบ Cupcake ในถ้วยกระเบื้องกัน

         คัพเค้ก ( Cupcake ) เริ่มแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ราวช่วงต้นศตวรรษที่ 19 คิดขึ้นมาเพื่อต้องการประหยัดเวลาในการทำจีงได้คิดทำเค้กเป็นถ้วยๆขึ้นมา ซึ่งจริงๆต้นกำเนิดแล้วคำว่า Cupcake นั้น นักประวัติศาสตร์ด้านอาหารคิดว่าน่าจะมาจาก 2 ทฤษฏี คือ


- มาจากการทำเค้กในถ้วย จึงเรียกว่า คัพเค้ก (Cupcake)
- มาจากเวลาทำเค้กชนิดนี้ มาตราส่วนในการตวงใช้ เป็นถ้วย จึงเรียกว่า คัพเค้ก (Cupcake)

         จริงๆแล้ว เริ่มแรกของเค้กชนิดนี้ เดิมเรียกว่า “ Number Cake , 1234 cakes , quarter cakes ” เพราะว่ามันง่ายในการจำสูตรในการทำ เนย 1 ถ้วย , น้ำตาล 2 ถ้วย , แป้ง 3 ถ้วย , ไข่ไก่ 4 ฟอง , นม 1 ถ้วย ,ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกันอบเสร็จก็กลายเป็น Cupcake แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนา Cupcake โดยส่วนผสม,รูปร่าง,การตกแต่ง ที่หลากหลาย จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

          คัพเค้ก (Cupcake) ทำง่าย สะดวกรวดเร็วกว่า การทำเค้กทั่วไปที่มีขนาดใหญ่ หลังจากอบเสร็จมีการตั้งเอาไว้ให้หายร้อนในเตาอบ ทำให้เค้กไหม้ มัฟฟินทิน (Muffin tin) จึงได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในช่วงศตวรรษที่ 20 ถือเป็นช่วงในการเริ่มต้นทำ Cupcake ในถ้วยอลูมิเนียม , ถ้วยกระดาษสีสวยๆที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

           ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทำให้ คัพเค้ก ( Cupcake) ได้รับความนิยมอย่างมากมายในปัจจุบัน มีร้านขาย Cupcake เปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คัพเค้กยอดนิยม ก็ยังคงเป็นรสวานิลา (Vanilla)) และช็อคโกแล็ต ( Chocolate ) ส่วนรสอื่นๆ ก็มี ราสเบอรรี่ เมอแรง (raspberry meringue) ,เอสเพลสโซ่ ฟรัดจ์ (Espresso fudge)


อุปกรณ์ที่สำคัญในการทำคัพเค้กคือ

          1. พิมพ์และถ้วยกระดาษ ( paper line) พิมพ์มีหลายแบบ เช่น ถ้วยอบเค้กรูปดาว พิมพ์ถาดมัฟฟิน พิมพ์ชนิดถอดได้ พิมพ์พาย ฯลฯ ส่วนถ้วยกระดาษที่ใช้ก็มีหลายขนาด หลายสีให้เลือก แล้วแต่ความชอบ (ในสูตรที่จะเขียนจะใช้ถ้วยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 1/2 นิ้ว หรือ 3 นิ้ว) อุปกรณ์สามารถหาเลือกซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ทั่วไป

          2. ช็อกโกแลต (chocolate) ในการทำคัพเค้ก(แบบเค้กช็อกโกแลต)ใช้ทั้ง dark chocolate, milk chocolate, white chocolate

dark chocolate คือ ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกเป็นช็อกโกแลตธรรมดา แต่ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเป็นช็อกโกแลตหวาน และกำหนดให้มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 15% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 35%

milk chocolate คือ ช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือ นมข้นหวาน รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดว่าหากจะเรียกว่าช็อกโกแลตนม ต้องมีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 10% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 25% ช็อกโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ ( cocoa butter) นม และยังเพิ่มความหวานและรสชาติลงไปด้วย ช็อกโกแลตนมนี้ใช้สำหรับแต่งหน้าขนมได้เป็นอย่างดี ช็อกโกแลตนมที่ทำในประเทศสหรัฐฯ ต้องประกอบด้วยน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 10% และนมที่ไม่ได้เอามันเนยออก 12%

white chocolate คือ ช็อกโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ แต่ไม่มีโกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล เนยโกโก้ นมสด และใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย ช็อกโกแลตขาวนี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้

3. ผลไม้ที่นิยมแต่งหน้าคัพเค้ก คือ ผลไม้ที่ออกรสเปรี้ยวอมหวาน กินแล้วสดชื่น

เชอร์รี่ เพราะสีสดใส รูปทรงอ่อนช้อย อีกทั้งรสหวานอมเปรี้ยวพอดี

บลูเบอร์รี่ ใช้กับเค้กหลายชนิด อีกทั้งกินสดๆแนมกับเค้กได้ดี

ราสเบอร์รี่ มีลูกสีแดงสด มีรสเปรี้ยวนำตามด้วยหวานกลิ่นหอม

สตรอว์เบอร์รี่ มีสีแดงกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นผลไม้แห่งฤดูร้อน รสชาติเปรี้ยวหวาน

ส้ม มีรสเปรี้ยวอมหวานที่ค่อนข้างเข้มข้น


การผึ่งคัพเค้กให้เย็น ( cooling cupcakes)

เมื่อขนมสุกดี ยกออกจากเตา แล้วทิ้งไว้ในพิมพ์นาน 5 นาที แล้วจึงคว่ำออกจากพิมพ์ วางพักบนตะแกรง













MusicPlaylist

ที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/Cupcake 
          หนังสือเรื่องคัพเค้กและชีสเค้ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น